มาตรฐานสินค้านั้น สำคัญไฉน ???

สายไฟคุณภาพดี

เมื่อพูดถึง มาตรฐานสินค้า แล้วนั้นหลายคนอาจจะมองข้ามความสำคัญ เพราะคิดว่าสินค้า ทุกอย่างนั้น

ไม่จำเป็นต้องมีมาตรฐานใดๆ รับรองก็ได้ เช่น ข้าวของเครื่องใช้ต่างๆในชีวิตประจำวัน

แต่หากเป็นสินค้าที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยต่อชีวิต และทรัพย์สินแล้วนั้น 

มาตรฐานสินค้า เป็นสิ่งไม่อาจละเลยได้ ไม่ว่าจะเป็น อาหารและยา (อย.) หรือ มาตรฐานอุตสาหกรรม (มอก.) และมาตรฐานอื่นๆที่เกี่ยวข้อง

 

มาตรฐานสายไฟฟ้า เป็นอีกหนึ่งมาตรฐานที่ควรให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง เพราะทุกวันนี้ไฟฟ้าเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน

การใช้สายไฟฟ้าที่ไม่ได้มาตรฐานนั้น อาจจะทำให้เกิดการสูญเสียอย่างร้ายแรงกับชีวิตและทรัพย์สินได้

ดังที่ได้ยินข่าวเหตุเพลิงไหม้ อาคารบ้านเรือน จากสาเหตุไฟฟ้าลัดวงจร หรือกระแสไฟฟ้าเกินจนทำให้เกิดเพลิงไหม้

 

 

บทความนี้จะเปรียบเทียบให้เห็นความแตกต่าง ของขนาดเส้นลวดตัวนำไฟฟ้า ของสายไฟฟ้าที่มีมาตรฐานรับรอง และ สายที่ไม่ได้มาตรฐานการใช้งาน

สายไฟตัวอย่างที่นำมาแสดง ไม่ได้บ่งบอกผู้ผลิตที่ชัดเจน หรือคุณสมบัติ ใดๆที่สำคัญ ของสายไฟ มีเพียงการแสดงขนาดไว้ที่เปลือกสายไฟ

ซึ่งระบุไว้เป็นขนาด 3 x 0.75 mm² ซึ่งเป็นขนาดตามมาตรฐานสากลที่ใช้งานทั่วไป

(3 หมายถึง จำนวนแกนภายใน และ 0.75 หมายถึงขนาดหน้าตัดของลวดทองแดง)

 

เมื่อทำการปอกฉนวนตัวนำออกมา จะพบกับแกนตัวนำทองแดง ซึ่งเป็นตัวนำกระแสไฟฟ้าไปสู่เครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ

 

เมื่อทำการปอกเปลือกฉนวนด้านในและวัดขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง ของลวดทองแดงแต่ละเส้น มี 0.06 mm จำนวน 20 เส้น

เมื่อนำมาคำนวนหาพื้นที่หน้าตัดจริงของสายไฟตามสูตร

พื้นที่หน้าตัดของลวดแต่ละเส้น x จำนวนเส้นลวด

¶r² x จำนวนเส้นลวด = 3.14 x 0.03 x0.03 x 20 = 0.056 mm²     (หมายเหตุ r  หมายถึง รัศมี = เส้นผ่านศูนย์กลาง / 2)

 

จะเห็นว่าสายไฟมีพื้นที่หน้าตัดเพียง 0.056 mm² ซึ่งเล็กกว่าขนาดที่แสดงว่า 0.75 mm² ถึง 13 เท่า ！！！

 

เมื่อนำสายไฟที่มีมาตรฐาน มอก.มาเปรียบเทียบกัน จะเห็นว่าทั้งสองแสดงขนาดของสายไฟไว้ที่ 0.75 mm² เหมือนกัน

แต่เมื่อนำขนาดลวดทองแดงด้านในมาทำการเปรียบเทียบกัน

ขนาดลวดทองแดงด้านในที่มองด้วยตาเปล่า แตกต่างกันอย่างชัดเจน เมื่อนำมาวัดขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางลวดจะได้ขนาด 0.18 mm

และจำนวนลวดทองแดงทั้งหมด 30 เส้น เมื่อนำมาคำนวนด้วยสูตรเดียวกัน จะได้ผลลัพธ์

¶r² x จำนวนเส้นลวด = 3.14 x 0.09 x 0.09 x 30 = 0.76 mm²

ซึ่งใกล้เคียงกับขนาดลวดทองแดงที่แสดงไว้บนเปลือกของสายไฟ แตกต่างกันเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

 

จะเห็นได้ว่า แม้เปลือยสายไฟจะแสดงขนาดสายไฟ 0.75 mm² เหมือนกัน แต่ลวดทองแดงด้านในนั้น แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

ซึ่งเมื่อสายไฟทั้งสองเส้นถูกนำไปใช้งานจริง ความปลอดภัย และประสิทธิภาพในการใช้งาน ย่อมแตกต่างเช่นกัน

ดังนั้น การเลือกซื้อ เลือกใช้ เครื่องใช้ไฟฟ้า ที่ได้รับมาตรฐานสินค้า จึงเป็นเรื่องสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม อย่างเด็ดขาดเพื่อความปลอดภัย

ของผู้ใช้งาน และป้องกันการสูญเสียที่จะเกิดขึ้นจากสินค้าที่ไม่ได้มาตรฐานเช่นตัวอย่างด้านบน

 

นโยบายคุณภาพของบริษัทฯ
“คุณภาพก้าวไกล ปลั๊กไฟ ไอ.โอ. มาตรฐาน ISO ให้ลูกค้าพึงพอใจ”

บริษัท ไอ.โอ. เทคนิค มีความตระหนักดีว่า คุณภาพคือ สิ่งสำคัญยิ่ง ในกระบรวนการผลิต ด้วยประสบการณ์กว่า 30 ปีในการสร้างสรรค์สินค้า และควบคุมคุณภาพ ให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล โดยบริษัท ได้นำระบบ ISO 9001 มาดำเนินการใช้ควบคุมมาตรฐานการผลิต ตั้งแต่การจัดซื้อวัตถุดิบ จนถึงการส่งมอบสินค้า ถึงมือลูกค้า จนได้รับ ความไว้วางในจากบริษัทชั้นนำทั้งในและต่างประเทศ (Customer Reference)

 

โดยปัจจุบันบริษัท ไอ.โอ. เทคนิค จำกัด เป็นผู้เชื่ยวชาญด้านการผลิต ปลั้กไฟฟ้า และ ปลั๊กสัญญาณ ชนิดฉีดหุ้ม รวมทั้งการเป็นตัวแทนจำหน่ายในสินค้านำเข้าจากต่างประเทศ ตามคำสั่งลูกค้าให้ได้ตามข้อกำหนดของผู้ซื้อ

โดยแบ่งประเภทของผลิตภัณฑ์ เป็น 5 กลุ่ม ดังนี้

1. AC Power Cords – สายไฟฟ้ากระแสสลับที่ใช้สำหรับไฟฟ้ากำลังหรือไฟฟ้าในครัวเรือน
2. DC Power Cords – สายไฟฟ้ากระแสตรง ซึ่งใช้ในอุปกรณ์อิเลคทรอนิคส์ ต่างๆ เช่น สายชาร์จโทรศัพท์
3. AV Cable หรือ Analog Signal Cable  – สายนำสัญญาณอนาล๊อก ซึ่งอยู่ในรูปแบบของสัญญาณความถี่ หรือสัญญาณภาพและเสียงหรือสายสัญญาณความถี่วิทยุ ( Radio frequency ) เช่น สาย RCA
4. Data Cable – สายนำสัญญาณดิจิตอล ซี่งใช้รับส่งข้อมูล หรือสื่อสารกันของระบบดิจิตอล เช่น สายที่ปัจจุบันใช้กันอย่างแพร่หลาย เช่น USB ถือเป็นมาตรฐานของสายรับส่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ในปัจจุบัน , HDMI เป็นสายรับส่งสัญญาณภาพและเสียง ระบบดิจิตอล ซื่งจะสามารถให้สัญญาณภาพและเสียงที่ชัดเจนกว่าสายอนาล๊อกในอดีต
5. OEM Cables – เป็นสายไฟฟ้า หรือสัญญาณรูปแบบพิเศษ ซื่งสามารถออกแบบได้ตรงตามความต้องการของลูกค้า

 

นอกจากนี้เรายังเป็นผู้ได้รับมาตรฐานการผลิตสินค้า มอก. 166-2549 จากสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม หรือ สมอ.

จากผู้ผลิตเพียงไม่กี่แห่งในประเทศ ซึ่งถือได้ว่าเป็นปลั๊กที่เป็นมาตรฐานจาก สมอ. ในการใช้งาน กับเครื่องใช้ไฟฟ้าชนิดต่างๆ เพิ่มความปลอดภัยให้กับผู้ใช้งาน และลดความเสี่ยงการเกิดอุบัติเหตุจากอุปกรณ์ที่ไม่ได้รับมาตรฐาน อีกด้วย